ผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ แบบอย่างข้าราชการติดดิน

..ชื่อเสียงเรียงนามและตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยหลายๆท่าน ซึ่งถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องพิเศษหรือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหรือส่วนรวมที่สามารถกลายเป็นข่าวใหญ่โตอะไร ก็คงเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่รับราชการ มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน กินเงินเดือนหลวงที่เป็นเงินประจำแต่ละเดือนพร้อมค่าตอบแทนพิเศษตามฐานะตำแหน่ง อาจจะเป็นที่รู้จักบ้างสำหรับคนเฉพาะกลุ่ม หรือถ้าจะกล่าวถึงก็คงไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับคนทั่วไป..แต่สำหรับข้าราชการท่านหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผมขอบอกเลยว่าท่านเป็นข้าราชการและนักปกครองระดับสูงที่มีวิถีชีวิตที่น่าชวนให้ติดตามและน่ากล่าวขวัญยกย่องให้เป็นข้าราชการต้นแบบของข้าราชการไทยทุกสายงานอีกท่านหนึ่งด้วย..

..เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา หลายๆท่านคงจะได้เห็นภาพข่าวๆหนึ่ง เป็นข่าวที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเลยก้มผูกสายเชือกรองเท้านักเรียนให้กับเด็กนักเรียนคนหนึ่งในพิธีมอบทุนการศึกษา พร้อมกันนั้นท่านยังใช้มือจัดดึงถุงเท้าที่หย่อนลงของนักเรียนเพื่อจัดให้ดูเรียบร้อยอีก เป็นภาพข่าวที่ได้ถูกแชร์ออกไปอย่างมากมายในสื่อสังคมออนไลน์และกลายเป็นข่าวที่สร้างรอยยิ้มความประทับใจของคนทั่วไปที่ได้เห็น ..ท่านผู้ว่าฯเมืองเลยท่านนี้ชื่อ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ครับ

..ผมมีโอกาสได้ค้นหาข่าวในอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับท่านผู้ว่าฯท่านนี้จนได้พบว่า ท่านเป็นข้าราชการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์หลายๆช่อง หลายรายการในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยเฉพาะรายการดังอย่าง “คนค้นฅน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งได้เข้าไปสัมภาษณ์พิเศษเพื่อเจาะลึกการใช้ชีวิตประจำวันที่แสนจะเรียบง่ายของท่าน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดเอง การปั่นจักรยานจากจวนผู้ว่าฯไปทำงานที่ศาลากลางจังหวัดอยู่เป็นประจำ การได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเลยอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง ให้ความสนิทสนมคุ้นเคยเหมือนญาติมิตรคนใกล้ตัว การใช้เวลาออกกำลังกายเล่นกีฬาตะกร้อกับประชาชนช่วงเย็นหลังเลิกงาน และอีกหลายกิจกรรมที่ท่านแสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ..


..ท่านผู้ว่าฯชัยวัฒน์มีประวัติชีวิตที่ผมเห็นว่าน่านำไปเผยแพร่และบอกกล่าวเพื่อเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจอย่างมากด้วย.. ท่านเป็นคนจังหวัดเลยโดยกำเนิด บ้านเกิดที่ อ.วังสะพุง เป็นลูกชาวนาที่มีฐานะค่อนข้างยากจน จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชุมชนวังสะพุง ท่านไม่ได้เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษา เนื่องจากไม่มีทุนที่ใช้เรียน จึงเข้าสมัครสอบเทียบชั้น ม.3 ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเลย (สมัยนั้น) ขณะเดียวกันกับไปเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำ ได้วุฒิ ม.3 มาพร้อมกัน 2 ใบ หลังจากนั้นเข้าสมัครเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การศึกษาผู้ใหญ่ที่ โรงเรียนเลยพิทยาคม และได้สมัครเข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยวิธีสอบตรงด้วยทุนจุฬาฯชนบท (ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์จนจบปริญญาตรี) จบปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มรับราชการในตำแหน่งปลัดอำเภอ เติบโตตามวิถีชีวิตราชการในกระทรวงมหาดไทยเรื่อยมาจนก้าวขึ้นสู่หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งแรก ในปี พ.ศ.2560 ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ปีเดียวกันได้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ถือว่าท่านได้กลับมาทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดอีกด้วย..

 
..รายการโทรทัศน์ได้สัมภาษณ์มุมมองแนวคิดการทำงานของท่านที่ใช้ยึดเป็นหลักการดำเนินชีวิตและการทำงานโดยท่านได้ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานในชีวิตราชการควรจะทำออกมาให้ดีที่สุด เนื่องจากเวลาราชการมีจำกัด หากเกษียณหรือออกไปก็ไม่มีโอกาสจะได้ทำ เหมือนที่คนโบราณกล่าวว่า เวลาร้องก็ร้องให้สุดคำ เวลารำก็รำให้สุดแขน พร้อมใช้หลักการคิดดี พูดดีและทำดี ประกอบเข้าด้วยกัน จะทำให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือประชาชน บุคคลทั่วไปมีความสุขกับการทำงานที่ตนได้ทำมากยิ่งขึ้นและบ้านเมืองก็ได้รับประโยชน์สุขพร้อมกันไปด้วย ทั้งนี้ผู้ดำเนินรายการได้ถามคำถามถึงการที่มีคนมองว่าท่านผู้ว่าฯได้สร้างภาพลักษณ์การทำงานให้ตนเองเกิดความโดดเด่น ที่ไม่ให้เหมือนข้าราชการอื่นหรือไม่ ท่านจึงได้กล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุขว่า ตนเคยเป็นเด็กวัดจะใช้หลักทางพระพุทธศาสนาที่เตือนตนเองอยู่เสมอว่า หากเราทำดีเวลาคนอื่นมาวิจารณ์เราในทางที่ไม่ดี ก็อย่าไปโกรธเขาเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องจริง หรือหากเราทำผิดพลาดอะไรไปเมื่อมีคนวิจารณ์อีก ก็อย่าไปโกรธเขาเพราะนั่นเป็นเรื่องจริงที่เราควรนำคำวิจารณ์มาแก้ไขปรับปรุง ข้าราชการต้องแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่พอเพียงแก่ประชาชน รวมถึงต้องพร้อมเปิดใจรับฟังข้อติเตียนต่างๆอย่างผู้มีปัญญาด้วย ท่านยังกล่าวเสริมว่าต้องขอขอบคุณความยากจนที่ทำให้ตนเองได้มีโอกาสหลายอย่าง เช่น สมัยเป็นนักเรียน ใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้ไปรับจ้างปั้นอิฐ ปั่นสามล้อ เป็นกระเป๋ารถเมล์ หรือไปรับจ้างแกะมะขามเพื่อนำเมล็ดไปขาย ได้เงินไปโรงเรียนช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ถือว่าโชคดีกว่าเด็กคนอื่นที่ตนเองได้รับโอกาสนั้นมา และอีกหลายๆบทสัมภาษณ์ในรายการเกือบทุกรายการที่ท่านได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตส่วนตัวให้ฟังได้อย่างน่าประทับใจ..

 

..ข่าวเกี่ยวกับท่านผู้ว่าฯชัยวัฒน์ อีกข่าวหนึ่งที่ผมมองว่าท่านเป็นผู้ที่ชอบให้โอกาสคนทุกสาขาอาชีพอย่างเสมอกัน คือ การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนให้กับคนที่ท่านถือว่าเป็นคนพิเศษ คือ คนกวาดขยะ พนักงานลอกท่อ พนักงานดับเพลิง พนักงานลูกจ้างที่เสียสละเวลาส่วนตัวมาทำงานช่วงวันหยุดปีใหม่ โดยเชิญมาเลี้ยงขอบคุณในแบบโต๊ะจีน ณ จวนผู้ว่าฯ ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงอาหารอย่างดี โดยตอนหนึ่งท่านได้พูดว่า บุคคลเหล่านั้นแทบไม่มีโอกาสได้กินดื่มแบบนี้เลยมาเกือบทั้งชีวิตก็เลยถือโอกาสวันสำคัญแบบนี้จัดเลี้ยงให้ พร้อมกับจัดพิธีจับแจกรางวัลของขวัญปีใหม่ให้กับพนักงานดังกล่าวทุกคนทั้งที่มาและไม่มาอีกด้วย เป็นภาพบรรยากาศที่พนักงานทุกคนที่ได้มาร่วมงานมีความสุขและสนุกกับบรรยากาศที่ยากจะลืมแบบนี้ตลอดไป..


..ผมได้อ่านข่าวพร้อมกับดูรายการที่ท่านได้ให้สัมภาษณ์ สิ่งหนึ่งที่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมตลอดเวลาขณะที่ได้นั่งชม ก็คือ รู้สึกถึงความปลาบปลื้มและปีตีใจในตัวท่านเป็นอย่างมาก ประทับใจต่อภาพเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของท่านกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเลยโดยไม่ถือยศตำแหน่งหน้าที่ใดๆทั้งสิ้น ภาพผู้ชายสะพายกระเป๋า ใส่รองเท้ากีฬาออกกำลังกาย ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เดินซื้อของพร้อมกล่าวทักทายผู้คนด้วยภาษาถิ่น(ไทยเลย) ภาพที่ท่านเปิดจวนผู้ว่าฯให้ประชาชนเข้ามาทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ หรือภาพที่ท่านสวมเครื่องแบบราชการนั่งกินข้าวพร้อมกับลูกน้องและชาวบ้านคราวไปตรวจราชการในจังหวัดเหมือนเป็นคนไทยคนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตได้อย่างกลมกลืมกับประชาชนทุกชนชั้นแทบจะแยกไม่ออกเลยว่า บุคคลที่เห็นนั้นคือผู้ว่าราชการจังหวัด นักปกครองระดับสูง ของกระทรวงมหาดไทย คำพูดที่ท่านได้กล่าวทักทายหรือให้สัมภาษณ์เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ด้วยมิตรไมตรีจิตที่ดีงามประกอบด้วยคุณธรรมของนักปกครองอย่างเห็นและสัมผัสได้อย่างชัดเจนยิ่ง รวมถึงแนวคิดการพัฒนาจังหวัดเลยด้วยวิสัยน์ทัศน์และโมเดลด้วยการทำจังหวัดให้เป็นเมือง Thai Loei ของท่าน ช่างน่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย..

..ผมต้องขอขอบคุณและเเสดงความชื่นชมท่านผู้ว่าฯชัยวัฒน์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติตนสมกับเป็นข้าราชการไทยที่น่ายกย่องเชิดชูอย่างยิ่งและขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวจังหวัดเลยที่ท่านได้พ่อเมืองต้นแบบและติดดินอย่างท่านผู้ว่าฯชัยวัฒน์ มาร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองเลยที่ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้นๆของประเทศไทย รวมทั้งต้องขอขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยที่ได้พิจารณาส่งท่านผู้ว่าชัยวัฒน์ฯ มาทำหน้าที่หลักสำคัญต่อการพัฒนาถิ่นจังหวัดบ้านเกิดของท่านเอง..



..มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนภาพความฝันที่ผมอยากจะเห็นและคิดว่าประชาชนคนไทยทั่วทุกจังหวัดด้วยที่อยากจะให้เกิดขึ้นเช่นกัน นั่นคือ อยากให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดที่ถือว่าเป็นข้าราชการเบอร์หนึ่งของจังหวัด ได้ใช้แนวคิดการทำงานและการใช้ชีวิตของท่านกับประชาชนทุกคนในจังหวัดของท่านอย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทเหมือนอย่างที่ผู้ว่าฯชัยวัฒน์ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงพื้นที่พบปะใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อศึกษาและสอบถามปัญหาต่างๆที่ต้องรีบดำเนินการแก้ไข พยายามสร้างความเป็นกันเองกับประชาชนเพื่อลดชั้นความห่างของคำว่าข้าราชการระดับสูงกับประชาชนลงให้ได้ และที่สำคัญอยากให้เด็กและเยาวชนไทยได้นำแนวทางการดำเนินชีวิตของท่านผู้ว่าฯชัยวัฒน์ ไปเป็นแบบอย่างเรื่องความขยันอดทน ไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิตที่แม้มีอุปสรรคก็สามารถฟันฝ่าไปได้จนประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยความวิริยะอุตสาหะเหมือนอย่างที่ได้เคยเกิดขึ้นกับท่านในช่วงวัยเด็กและวัยเรียนเช่นเดียวกัน..

ขอขอบคุณพ่อเมืองเลยหรือสิงห์ดำมหาดไทยแบบอย่างข้าราชการติดดิน ท่านผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อีกครั้ง
ด้วยจิตคารวะครับ..

หัสพงศ์ งานดี
polscicu@gmail.com

Cr. : -ขอบคุณภาพภาพจากรายการ "คนค้นฅน " / รายการ "เล่นใหญ่ จัดใหญ่"


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แคมเปญโฆษณา "อะเมซิ่ง ไทยเท่" ด้วยเพลง "ยามรัก"

MUZU : ศิลปินคุณภาพคับแก้วของเมืองไทย